ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ
จรัล ดิษฐาอภิชัย.
คู่มือสิทธิมนุษยชน ฉบับพลเมือง – กรุงเทพฯ : สถาบันนโยบายศึกษา , 2547. 128 หน้า.
1. มนุษยชน. 2. สิทธิของพลเมือง. 3. ชื่อเรื่อง. 323
ISBN
974-91903-5-1
ชื่อหนังสือ คู่มือสิทธิมนุษยชน ฉบับพลเมือง
ISBN 974-91903-5-1
ผู้เขียน จรัล
ดิษฐาอภิชัย
ปีที่พิมพ์ ธันวาคม 2546
จำนวนพิมพ์ 1,000 เล่ม
เจ้าของ สถาบันนโยบายศึกษา
:
99/146 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว
เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0 2941
1832-3 โทรสาร 0 2941 1834
สนับสนุนโดย มูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์
ภาพประกอบ ชัยวุฒิ แก้วเรือน
ดำเนินกาพิมพ์ บริษัท พี. เพรส จำกัด โทร 0 2742 4754-5
พิมพ์ที่ บริษัท สุขุมและบุตร
จำกัด
จัดจำหน่ายโดย ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท
ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10300
ศาลาพระเกี้ยว โทร 0
2255 4433, 0 2218
7000 โทรสาร 0 2255 4441
สยามสแควร์ โทร 0
2251 6141, 0 2218
9888 โทรสาร 0 2254 9495
“ สิทธิในความเชื่อ การพูด
และการแสดงความคิดเห็น ”
ทำไมเสรีภาพในความเชื่อ การพูดและการแสดงความคิดเห็นจึงมีความสำคัญ ?
มนุษย์เป็นสัตว์ที่คิดได้ ด้วยมี “ สมอง ” มีสติปัญญา อารมณ์ ความรู้สึก และมี “ ปาก ” เพื่อพูด แสดงความรู้สึก
ความต้องการ และความคิดเห็น
การแสดงออกดังกล่าวเป็นธรรมชาติและเป็นความจำเป็นของมนุษย์เรา อันไม่เพียงแต่เป็นการบอกให้รู้ว่าคิดอย่างไร
ต้องการอะไร เท่านั้น หากยังมีผลต่อชุมชนและต่อสังคมอีกด้วย มนุษย์จึงต้องการเสรีภาพในการคิด
การพูด การเขียน หรือการแสดงออกไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นแตกต่างกัน
เสรีภาพนี้ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด
ถือเป็นสิทธิมนุษยชนประการหนึ่ง
ผู้ปกครองหรือผู้ใดจึงไม่ควรห้ามคนเราคิดหรือพูด นอกเสียจากว่าการพูดนั้นเป็นการพูดดูหมิ่น
ดูถูกหรือทำให้เกิดความเสียหาย
ความคิดและความเชื่อของแต่ละบุคคลมีความหลากหลาย
แตกต่างกันไปตามสภาพทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง
และสภาพแวดล้อมทางกายภาพ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ทุกคนมีความคิด
ความเชื่อไปในทางเดียวกัน
รัฐและสังคมจะต้องยอมรับและเคารพในความคิดและความเชื่อที่แตกต่างหลากหลาย
และการรับฟังความคิด
ความเห็นที่แตกต่างก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการพัฒนาปัจเจกและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ
ย่อมต้องเปิดใจกว้างให้สื่อมวลชนและประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ได้
เพราะว่าเสียงของประชาชนคือเสียงสวรรค์
เสรีภาพทางความคิด
เป็นเสรีภาพพื้นฐานประการหนึ่งของพลเมืองในประเทศระบอบประชาธิปไตย
แล้วก็จะได้รับการรับรองและค้ำประกันโดยรัฐธรรมนูญของประเทศประชาธิปไตยทุกประเทศ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยของเราฉบับปัจจุบันนำมาบัญญัติไว้หลายมาตรา
โดยเฉพาะมาตรา 38 และมาตรา 39
มาตรา 38 “ บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการนับถือศาสนา
นิกายของศาสนาหรือลัทธิ นิยมในทางศาสนา
และย่อมมีเสรีภาพในการปฎิบัติตามศาสนบัญญัติหรือปฎิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน…”
มาตรา 39 “ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
การพูด การขียน การพิมพ์ การโฆษณา
และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น ”
ที่ผ่านมา
สังคมไทยมีปัญหาด้านเสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็นหรือไม่ อย่างไร?
ในรอบปีที่ผ่านมา
มีการละเมิดเสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง
รูปธรรมที่สะท้อนได้ชัดเจนมากก็คือ เสรีภาพของสื่อมวลชนถูกละเมิดเสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็นหลายกรณีไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของสื่อมวลชนและครอบครัว
โดยมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความผิดฐาน อั้งยี่ ซ่องโจร
และความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีภาษีศุลกากร ซึ่งถูกสังคมตั้งคำถามว่ามีการเลือกปฏิบัติและมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนหรือไม่
รวมถึงความเหมาะสมในการตรวจสอบดังกล่าว
การแทรกแซงเสรีภาพของสื่อมวลชนยังรวมถึงการสั่งยกเลิก
หรืองดออกอากาศรายการวิทยุและโทรทัศน์หลายรายการ มีการสั่งตรวจสอบ
โดยใช้เงื่อนไขของธุรกิจว่าไม่ชำระค่าเช่าตามสัญญา หรือมีโฆษณาแฝง ทั้งๆ
ที่บางช่องที่มีลักษณะเดียวกันแต่กลับมีโฆษณาได้
แต่ที่ผ่านมามีจุดร่วมว่าสื่อมวลชนที่ถูกตรวจสอบหรือแทรกแซงมักเป็นสื่อมวลชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
บางกรณีก็มีการเชิญบุคคลที่กำลังมีข้อพิพาทกับผู้มีอำนาจรัฐมาออกรายการและเกิดเหตุการณ์ภาพและเสียงถูกตัดออกไปบางส่วน
โดยผู้มีอำนาจรัฐอ้างว่าเป็นการขัดข้องทางเทคนิคแต่ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับผู้ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์
ผู้มีอำนาจรัฐ
และบางครั้งมีการแทรกแซงเสรีภาพของสื่อมวลชนด้วยการสั่งการทางโทรศัพท์
การละเมิดเสรีภาพของสื่อมวลชนนับเป็นสถานการณ์การเมืองที่น่าห่วงใยอย่างหนึ่ง
“ สิทธิในทรัพย์สิน ”
สิทธิอะไรที่มีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนเรามากที่สุด?
สิทธิในทรัพย์สินและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
ตามที่ได้กล่าวแล้วว่ามนุษย์เรามีร่างกายเป็นเรือนร่างสำคัญของชีวิต
ร่างกายของคนเราหล่อเลี้ยงด้วยชีวปัจจัยที่สำคัญ คือ อาหาร บ้าน เสื้อผ้า
ยารักษาโรค และเครื่องอำนวยความสะดวกต่อชีวิตต่างๆ ฯลฯ โดยทั่วไป
สิ่งเหล่านี้คนเราจะได้มาก็จะต้องทำการผลิตหรือการทำงานโดยใช้เครื่องมือในการทำมาหากินอย่างใดอย่างหนึ่ง
เช่น ที่ดิน พืช วัว ควาย ไถ จอบ เสียม เครื่องจักร โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ เครื่องมือและผลิตผลถือเป็นทรัพย์สิน
ผู้ผลิต ผู้หามาได้ย่อมมีสิทธิในทรัพย์อันนั้น
โดยรัฐและสังคมจะรับรองโดยมีประเพณีและกฎหมายรับรองเป็นระบบกรมสิทธ์ต่างๆ
สิทธิในทรัพย์สินจึงเป็นสิทธิมนุษยชนที่นำมาซึ่งปัจจัยในการดำรงชีวิต
มีรายได้ มีฐานะ และศักดิ์ศรีในสังคม ทรัพย์สินของใคร ใครก็ย่อมแหนหวง
ทรัพย์สินที่เราหามาได้ถูกแย่งชิงไป สังคมจะมีแต่ความไม่สงบสุข
บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย เกิดการทำร้ายร่างกายเพื่อแย่งชิงทรัพย์สินอย่างกว้างขวาง
รัฐและสังคมจะต้องให้ความคุ้มครองปกป้องทรัพย์สินของพลเมืองเท่าที่จะทำได้ตั้งแต่ออกกฎหมาย
วางนโยบาย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.
2540 ได้บัญญัติเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลไว้ในมาตรา
48 สรุปได้ว่า
สิทธิของบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครอง และมาตรา 49 การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะทำได้ถ้ามีเหตุยกเว้นบางประการและต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมภายในเวลาอันควรแก่เจ้าของที่ดิน
เนื่องจากกรได้มาซึ่งทรัพย์สินและรายได้ส่วนใหญ่ของคนเรามาจากการทำมาหากิน
ในปัจจุบันเรียกว่าการประกอบอาชีพ ที่ผ่านมาประชาชนพลเมืองจะประกอบอาชีพได้มากน้อยขึ้นกับความสามารถ
ความถนัด ความต้องการความรู้ ความคิดเห็นของแต่ละคนอันสอดคล้องกับสภาพเศรษฐ์กิจ
สังคม เสรีภาพในการประกอบอาชีพ จึงเป็นสิทธิทางเศรษฐ์กิจ
รัฐจะต้องเคารพค้ำประกันเสรีภาพประการนี้ โดยการอนุญาต ส่งเสริม และอำนวยความสะดวก
รวมทั้งสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง และที่สำคัญ
รัฐจะต้องไม่ทำให้การประกอบอาชีพของพลเมืองโดยสุจริตมีอุปสรรค
เสรีภาพในการประกอบอาชีพได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2540 อย่างน้อย 2 มาตรา คือ มาตรา 50
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบกิจการ
หรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยอย่างเป็นธรรม และมาตรา 87
สรุปได้ว่า
รัฐต้องสนับสนุนระบบเศรษฐ์กิจแบบเสรีที่มีการกำกับดูแลให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
รวมทั้งยกเลิกและละเว้นการตรากฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ควบคุมธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นทางเศรษฐ์กิจ
และต้องไม่ประกอบกิจการแข่งขันกับเอกชนเสียเอง
ที่ผ่านมาและปัจจุบัน
มีปัญหาใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในทรัพย์สิน
การเวนคืนที่ดินโดยรัฐ
ปัจจุบันมีโครงการพัฒนาของรัฐหลายโครงการที่ต้องใช้ที่ดินจำนวนมากจึงต้องมีการเวนคืนที่ดินของประชาชน
การเวนคืนที่ดินดังกล่าว ถ้าจัดการไม่ดีก็จะกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของประชาชน
แต่ถ้ารัฐไม่สามารถเวนคืนที่ดินจากประชาชนได้เลย การพัฒนาก็จะไม่เกิดขึ้น
จึงต้องหาดุลยภาพให้ดีระหว่างสิทธิของประชาชนและประโยชน์สาธารณะ อย่างไรก็ดี
ต้องมองว่าผู้ถูกเวนคืนที่ดินเป็นผู้เสียประโยชน์และเสียสละจึงต้องมีค่าตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรม
โดยพิจารณาจากทำเลที่ตั้ง
สิ่งปลูกสร้างและเป็นไปเพื่อประโยชน์ด้านสาธารณูปโภคและผังเมือง
การเวนคืนที่ดินหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นสร้างสะพาน ขยายถนน รถไฟฟ้า ถนนวงแหวน
และทางด่วน ใช้เงินมากมายหลายพันล้านบาท
บางครั้งผู้ถูกเวนคืนที่ดินรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม คือ
ได้รับค่าเวนคืนที่ดินในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
และบางกรณีชุมชนมีความผูกพันกับบ้านเกิดเมืองนอนของตน
จึงปฏิเสธไม่ยอมให้มีการเวนคืนที่ดินในชุมชนของตน ด้วยความคิดที่ว่า ถ้าปล่อยให้มีการเวนคืนที่ดินจะกระทบต่ออาชีพ
วิถีชีวิต ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งเงินไม่ใช่คำตอบเพียงอย่างเดียวของการแก้ไขปัญหา
ดังนั้น
การเวนคืนที่ดินจึงสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับความเป็นชุมชน
การทำงานของรัฐจึงต้องมีความรอบคอบ โปร่งใส มีส่วนร่วมมากกว่าเดิม
เพราะถ้าเกิดจ่ายเงินค่าเวนคืนให้กับพื้นที่หนึ่ง
แต่ชุมชนอีกพื้นที่หนึ่งไม่ยินยอมให้มีการเวนคืนที่ดิน โครงการฯ ก็เกิดขึ้นไม่ได้
ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม
“ สิทธิทางการศึกษา ”
สิทธิมนุษยชนอะไรที่ทำให้มนุษย์มีความรู้ ความคิด และสติปัญญา?
สิทธิทางการศึกษา และเสรีภาพทางวิชาการและสิทธิที่จะรู้
สิทธิที่สำคัญมากประการหนึ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้เลย
ซึ่งเป็นสิทธิที่จะทำให้คนเราได้มีวิชาความรู้ ความคิด สติปัญญา
ความสามารถในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตทางสังคม สิทธิการศึกษานี้ไม่ได้หมายความถึงเพียงแต่การได้รับการศึกษาในระบบ
หรือการศึกษาในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ที่มีหลักสูตร
การวัดและการประเมินผลที่แน่นอนเท่านั้น
แต่รวมถึงการศึกษานอกระบบที่จัดนอกโรงเรียน
มีความยืดหยุ่นมากกว่าและมีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของแต่ละกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม มนุษย์สามารถแสวงหาความรู้ได้ตลอดเวลาแม้ว่าจะเรียนจบการศึกษาในระบบสูงเพียงใดก็ตาม
ซึ่งสิทธิด้านการศึกษาได้บัญญัติไว้ในมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. 2540
โดยทั่วไป
ในการศึกษาเรียนรู้ไม่ว่าจะในหรือนอกระบบ “ วิชาความรู้
” เป็นเพียงเงื่อนไขปัจจัยสำคัญประการหนึ่งซึ่งจะทำให้ถูกต้องมากน้อยเพียงใด
นอกจากความรู้ ความสามารถ อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือแล้ว
ยังขึ้นกับเสรีภาพของครู-อาจารย์ และนักวิชาการเป็นสำคัญ
ถ้าใครมาปิดกั้นเสรีภาพทางวิชาการอย่างไม่มีเหตุผลก็หมายความว่าเป็นการปิดกั้นเสรีภาพทางวิชาการและโอกาสในการพัฒนาความรู้
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ได้รองรับเสรีภาพทางวิชาการไว้ในมาตรา
42
นอกจากนี้
ยังมิสิทธิประการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับสิทธิทางการศึกษาและเสรีภาพทางวิชาการและสิทธิทั้งหลายทั้งปวง
คือ สิทธิที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เพราะเป็นสิทธิที่จะทำให้คนเราซึ่งเป็นพลเมือง
ได้รู้ว่าทางการบ้านเมือง องค์กรทางเศรษฐกิจและสังคมจะทำอะไร หรือกำลังทำอะไร
สิ่งนั้นจะมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของตนมากน้อยเพียงใด
สิทธิที่จะรู้ข้อมูลข่าวสารเป็นสิทธิที่จะทำให้คนเราหู-ตาสว่าง
และปกป้องสิทธิของเราได้มากขึ้น
การที่หน่วยงานรัฐจะทำสิ่งใดที่กระทบสิทธิของเราก็จะต้องเป็นไปอย่างรอบคอบและพิจารณาอย่างรอบด้านมากขึ้น
การจะเวนคืนที่ดินหรือการจะสร้างโครงการพัฒนาใด
รัฐก็จะต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องเสียก่อน
หรือถ้าหน่วยงานรัฐไม่แจ้งข้อมูลให้ทราบเราก็มีสิทธิที่จะขอข้อมูลข่าวสารที่รัฐครอบครองได้
ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งโครงการ ความจำเป็นต้องมีโครงการ แผนผัง แผนที่
รายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคม ฯลฯ สิทธิดังกล่าวบัญญัติไว้ในมาตรา 58
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540
กรณีศึกษา สิทธิด้านการศึกษากับสิทธิในข้อมูลข่าวสาร
นางสุมาลี
ลิมปโอวาท แม่ของเด็กหญิงณัฐนิช ลิมปโอวาท
ผู้สมัครเพื่อสอบคัดเลือกเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ขอตรวจดูและถ่ายสำเนากระดาษคำตอบและบุญชีคะแนนของเด็กหญิงณัฐนิช
และของนักเรียนผู้ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าเรียนชั้น ป. 1 อีกจำนวน
120 คน แต่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
แจ้งว่าไม่เป็นเหตุอันสมควรที่จะดำเนินการให้ตามความประสงคได้
ต่อมานางสุลี
ได้มีหนังสือถึงประธาน คณะกรรมการวินิจฉัยเปิดเผยข้อมูลข่าวสารด้านสังคม ฯ
ได้พิจารณาแล้วเห็นว่านางสุมาลี
มีสิทธิขอตรวจดูและถ่ายสำเนากระดาษคำตอบและบัญชีของเด็กหญิงณัฐนิช และของนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าเรียนชั้น
ป.1
จำนวน 120 คนจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้
เนื่องจากพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติการทางปกครอง พ.ศ.2539
มิใช่กฎหมายที่คุ้มครองมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. 2540 มาตรา 15 (6) (7)
กรณีนักศึกษาดังกล่าวจะช่วยทำให้การเข้าถึงโอกาสในการศึกษาเป็นไปอย่างโปร่งใส
ตรวจสอบได้และมีความถูกต้องและทำให้ระบบเส้นสายลดน้อยลง